ปัจจุบันคนหันมาใส่ใจการดูแลสุขภาพกันมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของรูปร่าง ผิวพรรณ หน้าตา ทั้งจากจากภายในสู่ภายนอกอย่างการทานวิตามิน การพักผ่อน การออกกำลังกาย หรือ การดูแลจากภายนอกสู่ภายใน เช่น การทาครีมบำรุง และการทำหัตถการวิตามิฉีดผิว เพื่อให้ผิวมีความเปล่งปลั่งสุขภาพดี ซึ่งในบทความนี้เราจะพามาดูขั้นตอน และหลักการทำงานของโปรแกรมฉีดวิตามินผิว มีอะไรบ้าง ให้ผลที่ดีจริงหรือไม่ มาหาคำตอบไปพร้อมกันได้เลย
การฉีดวิตามินผิว หรือ Vitamin therapy (IV) ที่ย่อมาจากคำว่า Intravenous มีความหมายว่าหลอดเลือดดำ คือ การเติมสารอาหารที่มีประโยชน์กับผิว เข้าสู่ร่างกายโดยตรง ด้วยการฉีดเอากรดแอสคอร์บิก (Ascorbic Acid) ผ่านทางเส้นเลือดดำ เพื่อให้ร่างกายสามารถดูดซึ่มสารอาหารและวิตามินเหล่านั้นไปใช้ประโยชน์ได้ทันที เป็นหัตถการอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน ซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมสภาพ และ กระตุ้นระบบการทำงานของร้างกายให้ทำงานได้เป็นปกติอีกครั้ง
การฉีดวิตามินผิวมีที่นิยมใช้มี 2 วิธี ดังนี้
การฉีดวิตามินผิวจะมีบางกลุ่มที่ไม่สามารถทำได้ โดยแบ่งออกเป็น 5 กลุ่มหลักๆ ได้แก่
หลังการฉีดวิตามินผิว จะเริ่มรู้สึกว่าผิวเรียบเนียนขึ้น ผิวลื่นขึ้น ผิวดูใสขึ้น ประมาณ 3 วันแรกหลังฉีด และจะเริ่มเห็นความกระจ่างใสที่ชัดเจนขึ้น หลังฉีดครั้งแรกไปแล้ว 1 – 2 สัปดาห์
ผลที่ได้จากการฉีดวิตามินจะขึ้นอยู่กับสภาพผิวเดิม และพฤติกรรมการใช้ชีวิตของแต่ละบุคคล ว่าจะเห็นช้าเร็ว หรือ เห็นผลมากน้อยแค่ไหน แต่รู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ครั้งแรก และหากมีการฉีดประมาณ 3 – 5 ครั้งขึ้นไป สีผิวก็จะดูกระจ่างใสขึ้นได้หลายระดับ
การฉีดวิตามินผิวเป็นการใช้เข็มเจาะเข้าที่บริเวณข้อพับแขน เพื่อฉีดวิตามินเข้าสู่เส้นเลือด อาจทำให้รู้สึกเจ็บเล็กน้อย และ มีความรู้สึกตึงๆหรือแสบในขณะเดินยา (อาจจะต้องใช้ความกล้าเล็กน้อยสำหรับคนที่กลัวเข็ม) แต่เป็นความเจ็บที่ทนได้
การออกฤทธิ์ของวิตามินจะอยู่ได้นาน 1 – 2 เดือน หากต้องการคงสภาพผิวกระจ่างใสเอาไว ควรฉีดวิตามินบำรุงผิวอย่างต่อเนื่องเพื่อให้การทำงานของวิตามินมีประสิทธิภาพขึ้น และหากต้องการให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานมากขึ้น ควรทำร่วมกับการดูแลตัวเอง เช่น ทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกาย ทานวิตามินเสริม พักผ่อนให้เพียงพอ และ ดื่นมน้ำมากๆ
หลังการหยุดฉีดวิตามินผิวอาจทำให้ผิวกลับมาคล้ำขึ้นได้อีก เพราะผิวคล้ำเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น ความเครียด การพักผ่อนน้อย การถูกทำร้ายจากแสงอาทิตย์ และมลภาวะต่างๆรอบตัว ซึ่งเป็นเหตุให้ผิวกลับมาหมองคล้ำได้ (ซึ่งไม่ได้เป็นผลโดยตรงมาจากการหยุดฉีดวิตามิน)
การวิตามิน เป็นการการเติมสารอาหารผิว และ คอลลาเจนเข้าสู่ร่างกาย เพื่อบำรุงผิวมีความกระจ่างใส เรียบเนียน ชุ่มชื้นและแข็งแรงขึ้น ไม่ได้ช่วยในการกระชับรูขุมขนโดยตรง หากต้องการกระชับให้รูขุมขนเล็กลงการทำเลเซอร์จะให้การเห็นผลที่ชัดเจนกว่า
การฉีดวิตามินผิว สามารถทำร่วมกับการทำหัตถการชนิดอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมฉีดเมโสแฟต หรือ โปรแกรมฉีดโบท็อก เพราะไม่ได้ทำในจุดเดียวกัน และทำเพื่อจุดประสงค์ที่ต่างกัน จึงไม่มีผลอันตรายถ้าหากจะทำในช่วงเวลาเดียวกัน
หากต้องการให้ผิวกระจ่างใส ลดความหมองคล้ำได้เร็วขึ้น สามารถฉีดวิตามินผิวไปพร้อมกับการเลเซอร์ผิวได้ เพราะการเลเซอร์จะช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ทำให้เซลล์ผิวมีการฟื้นฟูได้ไวขึ้น ผิวแข็งแรง เผยผิวที่กระจ่างใสสุขภาพดีได้ไวขึ้น
หลังฉีดวิตามินผิว ไม่ได้มีข้อห้ามสำหรับการดื่มแอลกอฮอล์ แต่เนื่องจากสารที่อยู่ในแอลกอฮอล์ทำให้เกิดเป็นสารอนุมูลอิสระที่ทำร้ายผิว ทำลายคอลลาเจนในร่างกาย ส่งผลให้ผิวหมองคล้ำ ไม่สดใส เกิดริ้วรอย แพทย์จึงไม่แนะนำให้ดื่มนั่นเอง
ถึงแม้ว่าการฉีดวิตามินผิวจะเป็นวิธีที่เร่งผลลัพธ์ได้ไวกว่าวิธีอื่น แต่การดูแลให้ผิวกระจ่างใสก็มีอีกหลายวิธีเช่น
การฉีดวิตามินผิวถือเป็นการ เติมสารอาหารและวิตามินที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย ช่วยบำรุงผิวอย่างล้ำลึก โดยไม่เป็นอันตรายหากใช้วิตามินและสารสกัดที่ได้มาตรฐาน มีความบริสุทธิ์สูง เป็นการทำหัตถการที่ไม่เป็นอันตราย นอกจากนี้ยังสามารถแก้ไขปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด แต่ทั้งนี้การฉีดวิตามินผิวจะต้องได้รับการทำโดยแพทย์ผู้ชำนาญการ และมีการดูแลตัวเอาไปพร้อมๆกัน หากต้องการเห็นผลที่ไวขึ้นสามารถทำคู่ไปกับการเลเซอร์ก็ได้ผลดีเช่นกัน
