ฉีดโบท็อก อยู่ได้นานแค่ไหน ฉีดบ่อย ๆดื้อไหม

หลายคนพึ่งพอใจเมื่อได้ฉีดโบท็อก เลยอยากให้มีผลลัพธ์อยู่ได้ยาวนานคงทน จึงอยากเข้ามาเติมโบท็อกอยู่บ่อย ๆแต่ก็กลัวว่าจะเกิดอาการดื้อโบท็อก หลายคนตั้งคำถามส่งมาอยู่บ่อย ๆว่าเมื่อฉีดโบท็อกแล้วควรเว้นช่วงนานเท่าไหร่ ๆถึงจะกลับมาฉีดซ้ำได้ ในบทความนี้เราได้รวบรวมคำตอบจากผู้เชี่ยวชาญ มาตอบเพื่อน ๆกัน เพื่อให้เกิดความเข้าใจ และสามารถวางแผนการทำหัตถการบนใบหน้าได้อย่างปลอดภัย และมีผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

บทความนี้จำรวบรวมเคล็ดลับวิธีที่ช่วยยับยั้งอาการดื้อโบท็อกได้ Juvenile Clinic ขอแนะนำวิธีฉีดโบท็อกอย่างปลอดภัยให้หนุ่มสาวไทยสวยหล่อแบบไม่เสี่ยง และชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของ 0% Impurities ที่ช่วยให้การลดเลือนริ้วรอย

โบท็อก คืออะไร ช่วยแก้ปัญหาอะไร

Botox คือ ชื่อทางการค้าของสาร Botulinum Toxin A ซึ่งเป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง ในอดีตโบท็อกถูกใช้ในการนำมารักษากล้ามเนื้อคอกระตุก กล้ามเนื้อตากระตุก รวมถึงอาการปวดไมเกรน ต่อมาในปี 2002 FDA ของอเมริกาได้รับรองการใช้ Botox ในการรักษาปัญหาผิวพรรณและความสวยความงาม มีประโยชน์ในการช่วยคลายกล้ามเนื้อในบริเวณที่มีการหดตัว โดยหลังการฉีดโบท๊อกซ์แล้วตัวยาจะจับตัวกับปลายเส้นประสาทที่เชื่อมกับกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อส่วนนั้นคล้ายตัว หลังจากทำการรักษาประมาณ 1-2 สัปดาห์ กล้ามเนื้อของคุณจะรู้สึกผ่อนคลาย ทำให้ผิวเรียบตึงช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้นได้

ฉีด Botox ให้ตรงจุด แก้ปัญหาได้ตรงเป้า

โบท๊อก ช่วยแก้ปัญหาผิวพรรณได้อย่างหลากหลาย เช่น ลดริ้วรอยหว่างคิ้ว , รักษาไมเกรน , ลดริ้วรอยหน้าผาก ,ลดริ้วรอยตีนกา , ลดกราม หน้าเรียว , ลดเหงื่อใต้วงแขน , ลดกล้าม ลดน่อง , ลิฟกรอบหน้า , ลดโหนกแก้ม คุณประโยชน์มากมายขนาดนี้ไม่ทำไม่ได้แล้ว รับคำแนะนำก่อนการรับบริการฟรี เพื่อให้ผิวพรรณของคุณสวยงามดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ

ความความรู้จักกับริ้วรอยบนใบหน้า ทั้ง 2 ชนิด

1.ริ้วรอยที่เกิดจากการขยับหน้า เช่นรอยตีนกา ริ้วหน้าผาก ร่องหว่างคิ้ว ถ้ามีริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้า คนไข้สามารถใช้ วิธีการ Botox ในการรักษาได้

2.ริ้วรอยที่ไม่แสดงสีหน้าก็เห็น หรือ Static line เช่น ร่องต่าง ๆ ร่องใต้ตา ร่องระหว่างคิ้ว ร่องน้ำหมาก ริ้วรอยพวกนี้ Botox ไม่สามารถแก้ไขได้ อาจจะใช้การฉีด Filler เพื่อแก้ไขปัญหา

โดยทั่วไปผลของการฉีดโบท๊อกจะอยู่ได้นาน 3-8 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าฉีดรักษาอาการอะไร บริเวณใด

ดื้อโบท็อก คืออะไร ?  

อาการดื้อโบท็อก คือภาวะที่เมื่อฉีดโบท็อกเข้าไปแล้วไม่เกิดผลตามที่คาดหวัง หรือไม่เห็นผล ซึ่งโดยปกติคุณสมบัติของโบท็อกที่แพทย์ด้านความงามนำมาใช้ จะใช้เพื่อลดการทำงานของกล้ามเนื้อที่ก่อให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้า รวมถึงเพื่อลดขนาดของกล้ามเนื้อกราม

ลักษณะอาการดื้อโบท็อก 

ลักษณะอาการดื้อโบท็อกที่สามารถสังเกตได้แบ่งออกเป็น 3 ระดับหลัก ๆ  ดังนี้

• ระดับที่ 1 : จากปกติที่เคยฉีดโบท็อกในปริมาณเท่าเดิม ก็สามารถลดริ้วรอยได้ แต่เมื่อมีภาวะดื้อโบท็อกผลลัพธ์ที่ได้กลับไม่เป็นเหมือนเดิมครับ
• ระดับที่ 2 :  หากเกิดภาวะดื้อโบท็อกจากที่เคยใช้ปริมาณโบท็อกเท่าเดิม ก็ต้องใช้ปริมาณโบท็อกที่มากขึ้นเพื่อให้สามารถลดริ้วรอยได้อย่างเห็นผล
• ระดับที่ 3 : แม้เพิ่มปริมาณโบท็อกที่มากขึ้น ก็ไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงการลดริ้วรอยหรือปรับรูปหน้าไม่เกิดผลหลังการรักษาเลยครับ

สรุปการดื้อโบทอก

• สาเหตุมาจากการใช้โบทอกที่ไม่ได้คุณภาพฉีดปริมาณมากไป และฉีดความถี่มากเกินไป
• การดื้อโบทอกคือการที่ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันออกมากำจัดสิ่งแปลกปลอมทำให้การฉีดโบทอกครั้งต่อๆไปไม่ได้ผล
• ป้องกันได้โดยเลือกฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ใช้ยาที่ได้มาตรฐาน และฉีดเพียงปีละ 2 ครั้งในปริมาณที่เหมาะสม

0% Impurities คืออะไร

• 0% Impurities กล่าวง่ายๆ ก็คือ สารโบทูไลนุ่ม ท็อกซิน ที่มีเทคโนโลยีการสกัดที่ทำให้ปราศจากโปรตีนเชิงซ้อน ส่งผลให้มีประสิทธิภาพในการช่วยลดเรือนริ้วรอยต่างๆ ได้ดี ซึ่งจากงานวิจัยพบว่า โอกาสในการดื้อโบหรือภาวะที่ทำให้การรักษาไม่เห็นผล ไม่ได้มาจากสารโบทูไลนุ่ม ท็อกซิน แต่เกิดจากสารเจือปนต่างๆ ที่ทำให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาต่อต้าน ซึ่งต้องระวัง เพราะผู้ผลิตจำนวนไม่น้อยในท้องตลาดเลือกเติมสารเจือปนต่างๆ เพื่อประโยชน์ในการคงรูปของผลิตภัณฑ์ หรือมีการเจือปนของสารที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์มาจากขั้นตอนการผลิตด้วย เพราะมีข้อจำกัดทางด้านเทคโนโลยี ดังนั้น จึงให้ตั้งสมการในใจไว้เลยว่า ถ้าอยากสวยหล่ออย่างปลอดภัย ให้เช็กต้นตอของผู้ผลิตและดูส่วนผสมให้แน่ใจเสียก่อน ยิ่งสารเจือปนยิ่งน้อยเท่าไร ก็จะยิ่งช่วยลดโอกาสในการดื้อโบได้มากขึ้นเท่านั้น

อาการดื้อโบท็อกแก้ไขได้หรือไม่ ?

ในปัจจุบันอาการดื้อโบท็อกไม่สามารถแก้ไขให้หายได้ ต้องรอให้ภูมิคุ้มกันหมดฤทธิ์ ถึงแม้ว่าจะทำการเปลี่ยนยี่ห้อก็จะเกิดอาการดื้ออีก เพราะส่วนมากถ้าดื้อแล้วจะดื้อทุกยี่ห้อ ในกรณีนี้ต้องรอเวลา 3-5 ปี จนกว่าภูมิต้านทานจะหายเอง แล้วค่อยสามารถกลับมาฉีดได้ใหม่ บางคนอาจจะดื้อเป็น 10-20 ปี ไม่สามารถรักษาริ้วรอยด้วยโบท็อกได้ ต้องทนหน้าเหี่ยวหน้าบานไปตลอด

สิ่งที่ทุกคนควรระวังคือ คนไข้หลายคนไม่รู้ว่าตัวเองมีอาการดื้อโบท็อก หลังฉีดโบท็อกแล้วไม่เป็นผล แต่คิดว่า โบท็อกยี่ห้อนั้น ๆ หรือ หมอท่านนั้น ๆ ไม่มีคุณภาพ จึงพยายามเปลี่ยนหมอไปเรื่อย ๆ โดยไม่แจ้งหมอว่าเคยฉีดโบท็อกมาแล้วจึงเสี่ยงได้รับโบท็อกในปริมาณมาก ๆ  ยิ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการดื้อโบท็อกได้ Juvenile Clinic พร้อมบริการคนอย่างพิถีพิถัน เพื่อความอ่อนเยาว์บนใบหน้าของคุณ

แนวทางการป้องกัน

1. การฉีดโบท็อกซ์ (Botox) ในแต่ละครั้งไม่ควรฉีดมากเกินไป ซึ่งในแต่ละบริเวณจะใช้จำนวนยูนิต (Unit) ไม่เท่ากัน มากน้อยแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับแพทย์เป็นผู้พิจารณา
2. บางคนอาจจะคิดว่าเลือกคลินิกที่ราคาถูกไว้ก่อน จะได้กลับมาฉีดซ้ำได้บ่อย ๆ ไม่เปลืองสตางค์ แต่จริง ๆ แล้วการฉีดโบท็อกซ์ (Botox) ควรเว้นระยะเวลาในการฉีดอย่างน้อย 3-4 เดือน ถึงกลับมาฉีดซ้ำได้อีกครั้งหนึ่ง ไม่อย่างนั้นเจอปัญหาดื้อโบท็อกตามมาแน่นอน
3. ของถูกและดีไม่มีในโลก ยิ่งกับวงการแพทย์และความงามแล้วด้วย เนื่องจากผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดี ย่อมใช้เทคโนโลยีหรือต้นทุนในการผลิตที่สูงตามไปด้วย ดังนั้นเมื่อต้องฉีดสารอะไรเข้าสู่ร่างกายควรต้องศึกษาข้อมูลให้ดีก่อน ไม่หลงเชื่อคำเชิญชวนหรือโปรโมชั่นที่มีราคาถูกมากจนเกินไป
4. เลือกสถานพยาบาลที่สามารถฉีดโบท็อกให้คนไข้ได้อย่างมีมาตรฐาน กล่าวคือ สถานที่ต้องได้รับมาตรฐาน ใช้เครื่องมือและผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ผ่านการรับรองจากอย. แพทย์แต่ละท่านสามารถตรวจสอบเช็คประวัติได้จากเว็บไซต์ของแพทย์สภาหรือสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย

สิ่งที่ทุกคนควรระวังคือ คนไข้หลายคนไม่รู้ว่าตัวเองมีอาการดื้อโบท็อก หลังฉีดโบท็อกแล้วไม่เป็นผล แต่คิดว่า ยี่ห้อนั้น ๆ หรือ หมอท่านนั้น ๆ ไม่มีคุณภาพ จึงพยายามเปลี่ยนหมอไปเรื่อย ๆโดยไม่แจ้งหมอว่าเคยฉีดโบท็อกมาแล้วจึงเสี่ยงได้รับโบท็อกในปริมาณมาก ๆ  ยิ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการดื้อโบท็อกได้ Juvenile Clinic พร้อมบริการคนอย่างพิถีพิถัน เพื่อความอ่อนเยาว์บนใบหน้าของคุณ สรุปแล้วการฉีดโบท็อกซ์ (Botox) ควรเว้นระยะเวลาในการฉีดอย่างน้อย 3-4 เดือน ถึงกลับมาฉีดซ้ำได้อีกครั้งหนึ่ง ไม่อย่างนั้นเจอปัญหาดื้อโบท็อกตามมาแน่นอน